สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สทค.)  ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย โดยการสนับสนุนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  สร้างความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและภาคการธนาคาร เพื่อรองรับบริการที่หลากหลายในยุคดิจิทัลและสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อการยกระดับความปลอดภัยในการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินระบบรับและโอนเงิน พร้อมเพย์ ได้ร่วมลงนาม “ความร่วมมือการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อใช้บริการพร้อมเพย์ (PromptPay)”  ไปแล้ว

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561   ณ ห้องมานะ ชั้น 8 ธนาคารกสิกรไทย สำนักพหลโยธิน     โดยการลงนามที่ผ่านมานั้น มีผู้แทนจาก กสทช. สมาคมธนาคารไทย 14 ราย สภาสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 4 ราย สมาคมธนาคารนานาชาติ 2 ราย และบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม 6 ราย

และในวันที่ 1 พฤศจิกายน    สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ   ร่วมกับ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันการเงินจัดแถลงข่าวความร่วมมือในการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และสถาบันการเงินในการให้บริการพร้อมเพย์และธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักงาน กสทช.

สถาบันการเงิน 20 แห่งร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 6 ราย เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถระบบการตรวจสอบยืนยันความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการสมัครบริการพร้อมเพย์ ดีเดย์เริ่มใช้งาน 1 มกราคม ปีหน้า พร้อมขยายความร่วมมือไปยังบริการทางการเงินและบริการโทรคมนาคมใหม่ยุค 5G

            นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งนายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักงานระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย และนายสุพจน์ เธียรวุฒิเลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ร่วมกันแถลงความก้าวหน้าในการบรรลุข้อตกลงระหว่างสถาบันการเงิน 20 แห่งร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 6 ราย ในการตรวจสอบยืนยันความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการ upgrade การใช้รหัส USSD *179 โดยเพิ่มการใช้รหัสอ้างอิงหรือ reference code และการเชื่อมต่อตรงระหว่างศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลของสถาบันการเงินกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในขั้นตอนการลงทะเบียนพร้อมเพย์ ซึ่งทำให้การลงทะเบียนพร้อมเพย์มีความปลอดภัยและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สามารถสมัครผ่านช่องทางอื่น เช่น ตู้เอทีเอ็ม ได้ ทั้งนี้ ระบบจะสามารถใช้งานได้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป การดำเนินการในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้การทำธุรกรรมการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบพร้อมเพย์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่เริ่มให้บริการพร้อมเพย์ที่ ในปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนด้วยเลขหมายโทรศัพท์กว่า 16 ล้านเลขหมาย และมีมูลค่าธุรกรรมรวมสูงกว่า 3.9 ล้านล้านบาท และมียอดการโอนต่อครั้งประมาณ 5,100 บาท

            ผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 อุตสาหกรรมเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมแรกที่ภาคเอกชนทำการเชื่อมต่อ/แลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างเป็นรูปธรรมและประชาชนสามารถได้รับประโยชน์ในวงกว้าง เป็นผลมาจากการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างจริงจัง และจะพัฒนาและขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนทั้งบริการทางการเงินและโทรคมนาคมใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ที่มีการให้บริการ 5G เกิดขึ้น อันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลและประเทศไทย 4.0 ต่อไป

1541063271801